Customer Reviews

คาเมร่า Camera Carseat S28 สีกาแฟ
5
เบาะนิ่มนั่งสบายมาก ลูกชอบ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 20 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ซื้อให้ลูก 2 ขวบนั่ง เบาะใหญ่กำลังดีนั่งสบายมาก ลูกชอบมาก ด้านหลังหุ้มเบาะหนัง ด้านหน้าเป็นผ้า คือสวยและแข็งแรง ส่งเร็วใส่กล่่องมาอย่างดีด้วย ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
5
ชอบหนังสือเล่มนี้เพราะรู้สึกประทับใจที่ผู้เขียนดัดแปลงสูตรขนมต่างๆให้มีพลังงานและไขมันลดลง และนึกถึงสุขภาพและความสุขของคนกินด้วยค่ะ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557

บอกก่อนเลยว่า หนังสือเล่มนี้สอนทำเบเกอรี่ที่ไม่ใช้ น้ำมัน เนย ครีมสด ครีมชีส และ ช็อกโกแลตค่ะ ผู้เขียนสามารถหาส่วนประกอบทดแทนที่ให้พลังงานต่ำกว่าได้อย่างน่าทึ่งทีเดียว

เล่มนี้เป็นหนังสือแปลจากญี่ปุ่นค่ะ ผู้เขียนคือ อิบารากิ คุมิโกะ นักค้นคว้าด้านอาหารสุขภาพ อาชีพเดิมเป็นพยาบาลจึงมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ประกอบกับสนใจเรื่องการทำขนม คุณอิบารากิ เลยฝึกทำขนมอย่างจริงจังและปรับสูตรให้ได้ขนมที่ให้พลังงานลดลงแต่ยังคงความอร่อยเหมือนเดิมค่ะ

คุณอิบารากิ เปิดสถาบันสอนทำขนมปังและเค้กที่ไม่ใช้ส่วนประกอบของน้ำมันและเนยที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยค่ะ (แหมๆ ถ้าสาวกว่านี้สักหน่อยว่าจะลงทุนเรียนภาษาญี่ปุ่นแล้วไปเรียน >.<)

แต่คงไม่ต้องไปไกลถึงญี่ปุ่นก็สำเร็จวิชาทำขนมพลังงานต่ำ กินไม่อ้วนได้ ถ้าลองซื้อวัตถุดิบส่วนประกอบ และมาลองฝึกปรือฝีมือกับหนังสือเล่มนี้ ค่ะ

ตอนได้หนังสือเล่มนี้มาดีใจมากกกกกกกก 5555 เลยลองทำตามแล้ว 1 สูตร คือ โดนัทช๊อกโกแลต สูตรไม่ใช้เนย น้ำมัน ผลปรากฏว่า อร่อยกว่าที่คิด (แต่ต้องยอมรับว่าใช้เนยกะน้ำมันอร่อยกว่า 55555555) เอาเป็นว่าจะลองทำสูตรอื่นๆ มาลองชิมต่อไปค่ะ
202 อมตะนิทานอีสปเล่าให้ลูกฟังก่อนนอน
5
ชอบที่ภาพประกอบน่ารัก เนื้อหากระชับ และมีรวมนิทานหลายเรื่องค่ะ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สมัยเด็กๆ คุณพ่อชอบซื้อนิทานอีสปเล่มเล็กๆ ที่ 1 เล่ม มี 1 เรื่องให้อ่านค่ะ

จำได้ว่าชอบมากเพราะตัวละครส่วนใหญ่เป็นเหล่าสรรพสัตว์น้อยใหญ่ที่พูดได้ ตอนเด็กๆยังคิดอยู่เลยว่า เอ เจ้านกกระสา กับ สุนัขจิ้งจอก อยู่คนละเผ่าพันธุ์พูดกันรู้เรื่องได้ไงน้อ

ถ้าใครจะซื้อนิทานให้เด็กๆ อ่าน หรืออ่านให้เด็กๆ ฟัง แนะนำว่าอ่านนิทานอีสปก่อนเรื่องอื่นก็ดีนะคะ เพราะมีเนื้อหาสั้นๆ อ่านง่าย แถมยังปิดท้ายด้วย ข้อคิดคำสอน ดังที่ขึ้นต้นตอนท้ายว่า “นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…..”

เล่มนี้น่าซื้อค่ะ เพราะรวมนิทานอีสปไว้ถึง 202 เรื่อง ภาพประกอบน่ารัก เป็นภาพสีทั้งเล่มค่ะ ส่วนนิทาน 1 เรื่อง จบใน 1 หน้าค่ะ

มีนิทานหลายเรื่องที่เราคุ้นเคย เช่น กระต่ายกับเต่า สุนัขกับเงา ชาวนากับงูเห่า แม่กบกับวัว ลมกับพระอาทิตย์ และอีกหลายๆ เรื่องที่ ไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่ เช่น แม่ตุ่นกับลูกตุ่น ราชสีห์กับปลาโลมา ลากับชายยากจน ลูกวัวกับวัวหนุ่ม สุนัขจิ้งจอกขายเนื้อ ฯลฯ

ถ้าคุณพ่อคุณแม่เล่านิทานให้ลูกฟัง ลองใส่น้ำเสียง ท่าทาง ลีลา ให้ตื่นเต้นสักหน่อย เปิดโอกาสให้ลูกตัวน้อยได้ออกความเห็น วิพากษ์วิจารณ์ตัวละครในเรื่อง ก็ช่วยให้การฟังนิทานสนุกขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ
ความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่ (หนุ่มเมืองจันท์)
4
หากมองโลกในแง่ดี คิดว่าสิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นดีเสมอ จะสามารถค้นพบความสุข ณ จุดที่ยืนได้ง่ายๆ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เล่มนี้เป็นหนังสือฉบับพิเศษในชุดฟาสฟู้ดธุรกิจค่ะ

ใครเป็นแฟนของคุณหนุ่มเมืองจันท์ ติดตามอ่านมากจนครบ 12 เล่ม มาอ่านเล่มนี้อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องซ้ำ แต่จริงๆแล้ว เล่มนี้ผู้เขียนออกตัวไว้ตั้งแต่บทนำแล้วค่ะว่า เป็นหนังสือที่รวมเรื่องเดิมที่เคยเขียน ที่ผู้เขียนประทับใจจากหนังสือในชุดฟาสฟู้ดธุรกิจทั้ง 13 เล่มที่เคยเขียนโดยจะมีเรื่องราวที่ประทับใจ12 เรื่อง และเขียนเพิ่มเติมขึ้นใหม่อีก 1 เรื่องค่ะ

เป็นหนังสือที่ออกในวาระพิเศษ ครบ 1 รอบ ที่หนุ่มเมืองจันท์ถ่ายทอดเรื่องราวลงในหนังสือ ถ้าใครยังไม่เคยอ่านผลงานของคุณหนุ่มเมืองจันท์ นับว่าเล่มนี้เหมาะมากค่ะ เพราะรวมเรื่องที่น่าสนใจทั้งการทำธุรกิจ และการใช้ชีวิต จากหนังสือหลายเล่มมาไว้ในเล่มเดียว

เนื้อหาในหนังสือเน้นเรื่องของการมองโลกในแง่บวก และการให้กำลังใจตนเองค่ะ ผู้เขียนยกตัวอย่างวิธีคิด วิธีมองโลกในวันที่ทำงานผิดพลาด ไม่เป็นดังใจ ไว้ว่า ให้คิดเสียว่าค้นพบเคล็ดวิชาสำคัญคือจะไม่ผิดซ้ำอีก เวลาเจอปัญหาอย่ากลัว รู้จักมองหาโอกาสในปัญหา มองโลกแห่งความเป็นจริงว่า ไม่มีใครที่จะสามารถทำตามฝันได้ทุกครั้งโดยไม่พบกับความผิดพลาด ความล้มเหลว หากใครรู้จักมองโลกในแง่ดี คิดว่าสิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นดีเสมอ จะสามารถค้นพบความสุข ณ จุดที่ยืนได้ง่ายๆ

นอกจากนี้เนื้อหาภายในก็จะมีการนำข้อคิดดีๆ ในการใช้ชีวิตจากบุคคลสำคัญต่างๆ มาบอกต่อค่ะ อย่างเช่นคาถาแก้ปัญหาของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ และหลวงปู่ชา ที่กล่าวไว้ว่าปัญหามี 2 แบบ คือ แบบที่แก้ได้ และแก้ไม่ได้ ให้แก้ปัญหาที่แก้ได้ก่อน หากปัญหาใดใหญ่เกินแก้ไข ควรปล่อยวาง รอให้วันเวลา ช่วยให้ปัญหาเล็กลงจนถึงจุดที่เราสามารถแก้ไขได้
ส่วนตัวอ่านหนังสือของหนุ่มเมืองจันท์มาหลายเล่มค่ะ พอมาอ่านเล่มนี้เลยรู้สึกว่าซ้ำกับที่เคยอ่าน (ก็แน่ล่ะค่ะ เขาบอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่าหยิบเรื่องจากเล่มเก่าที่ประทับใจมารวบรวมไว้ใหม่)

อ้อๆ ค่าลิขสิทธิ์ของหนังสือเล่มนี้ คุณหนุ่มเมืองจันท์บริจาคให้กับกองทุน “เงินอุทิศเพื่อการศึกษา” ของเทศบาลเมืองยะลาด้วยค่ะ

สรุปแล้วถ้าใครยังไม่เคยอ่านหนังสือของคุณหนุ่มเมืองจันท์ แนะนำให้ลองอ่านเล่มนี้ดูก่อนค่ะ ถ้าชอบงานเขียนแนวนี้ค่อยหาหนังสือในชุดฟาสฟู้ดธุรกิจ เล่มอื่นๆ มาอ่านต่อไปค่ะ
นิทานอิสป 50 เรื่องสอนหนูน้อยให้เป็นเด็กดี
5
นิทาน 2 ภาษาเล่ม นอกจากภาพสวย เนื้อเรื่องอ่านสนุก ยังมี CD MP3 ให้เด็กๆได้ฝึกฟังภาษาอังกฤษด้วยค่ะ ^0^ คิดว่าเด็กๆ และคุณพ่อคุณแม่ต้องชอบแน่ๆ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เห็นหนังสือนิทานแล้วตาลุกทุกทีเลยค่ะ *0* ชอบอ่านหนังสือนิทานมาตั้งแต่เด็กๆ แต่รู้สึกว่าช่วงนั้นยังไม่มีนิทาน 2 ภาษาให้เลือกเยอะ แถมภาพสวยเหมือนสมัยนี้ค่ะ

หนังสือ “นิทานอีสป 50 เรื่อง สอนหนูน้อยให้เป็นเด็กดี” เป็นหนังสือนิทาน 2 ภาษาค่ะ มีเนื้อเรื่องทั้ง ภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ

มีการวางเนื้อเรื่อง 2 ภาษาให้อยู่ในหน้าเดียวกันเพื่อที่เด็กๆจะได้เปรียบเทียบประโยค หรือคำศัพท์ ได้คำต่อคำค่ะ นอกจากนี้จะมีเน้นสีแดงที่คำศัพท์สำคัญ มีสรุปคำศัพท์ไว้ท้ายเรื่องด้วยค่ะ

อ้อๆ มี CD MP3 เล่าเรื่องทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษด้วย เผื่อเด็กๆจะฟังและอ่านตามไปพร้อมๆกับหนังสือ นับเป็นหนังสือที่น่าสนใจมากเลยค่ะ

หนังสือปกแข็ง ภาพสวย น่ารักมากค่ะ ทีแรกคิดว่าเป็นหนังสือจากต่างประเทศ คิดว่าคนวาดภาพประกอบต้องเป็นชาวต่างชาติแน่ๆ แต่พอมาดูรายละเอียดที่ปกด้านใน ก็รู้ทันทีว่าคนไทยเรานี่เองค่ะ วาดภาพได้น่ารักมากเลย ^^
เด็กน่าจะชอบนะคะ อ่านเพลินๆ กับประโยคง่ายไม่ซับซ้อน ช่วยให้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ และคำศัพท์ต่างๆ ไปในตัวด้วย ขอแนะนำไว้อีกเล่มนะคะ
ดูดวงท่องเที่ยว
4
ต้องลองอ่านดูค่ะ สนุกดี คนแต่ก็เข้าใจเขียนเรื่องความรัก ท่องเที่ยว กับดูดวงมารวมกันได้
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้แปลกดีค่ะ ทีแรกนึกว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับตะลอนทัวร์พาไปดูดวงตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แต่เปิดมากลับผิดคาด เพราะหนังสือเล่มนี้จะมาบอกสถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกโฉลกกับบรรดาคู่รักตามราศีต่างๆ ค่ะ

อืม… เห็นชื่อผู้แต่งแล้ว รู้สึกว่าจริงจังไปมั๊ย 555 ผู้แต่งคือ อ. พรรษ อรุณเลิศ ผู้เชี่ยวชาญ 5 ธาตุ และดวงจีนโบราณ ค่ะ
ที่คำนำมีเกริ่นที่มาของหนังสือเล่มนี้ด้วยค่ะ คำนำบอกว่า (น่าจะเป็นอาจารย์ผู้แต่งบอกว่า)

“ที่ผ่านมา มีคนเข้ามาปรึกษาดวงเรื่องความรักมาก คือดวงไม่ใช่เนื้อคู่กันจะแก้อย่างไรดี ” อาจารย์ก็เลยแนะนำไปว่า “เมื่อดวงเข้ากันไม่ได้ก็ต้องใช้การท่องเที่ยวเข้าช่วย”

จะว่าไปก็ถูกของเขานะคะ มาคิดให้ดี การท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ อาจช่วยให้เรียนรู้นิสัยของกันและกัน และเข้าใจกันมากขึ้นก็เป็นได้ และการใช้เวลาร่วมกัน มีประสบการณ์ดีๆ ร่วมกัน ก็จะทำให้มีเรื่องให้พูด ให้คุย ช่วยให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นไปในทางที่ดีขึ้น

เนื้อหาในเล่ม จะเน้นบอกลักษณะนิสัยของคนที่เกิด ในแต่ละราศี ทั้ง 12 ราศีค่ะ และบอกด้วยว่าคนแต่ละราศีที่คู่กันทั้งคู่กับคนที่ราศีเดียวกันและต่างราศี จะมีอุปนิสัยที่เกื้อหนุนกัน ชวนทะเลาะกัน หรือเข้ากันได้อย่างไร แถมจัดแจง แนะนำสถานที่ที่คู่ในแต่ละราศีควรไปด้วย (ทั้งหมดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยนะคะ)

เช่น คู่รักที่เกิดราศี หนู กับ กระต่าย (ปีชวด กับ ปีเถาะ) ในหนังสือว่าไว้ ว่าคุณหนูมักคอยช่วยเหลือคุณกระต่ายอยู่หลายเรื่อง แต่บางที่คุณกระต่ายก็ว่องไวจนเกิดจะไล่ทัน คุณกระต่ายมักแสดงอาการเป็นเด็กๆ เหมือนอยากได้ของเล่น คุณหนูก็ต้องพยายามไม่ตามใจมากจนเกินไปนัก มีบอกอีกว่า จะหาคนที่เอาใจคุณกระต่ายเหมือนคุณหนู หาที่ไหนคงไม่มีอีกแล้วในโลก (555 ขนาดน้านเชียว มีใครตรงบ้างมั๊ยคะ) คุณหนูช่างเอาอกเอาใจ เป็นห่วงเป็นใย พร้อมปกป้องคุณกระต่ายเสมอ 555 ส่วนสถานที่เที่ยวที่เค้าแนะนำจำไม่ได้

ชอบใจหนังสือตรงที่ วาดการ์ตูนได้น่ารัก และใช้คำพูดได้น่ารักมากด้วยค่ะ อ่านแล้วชวนให้ยิ้มได้ เป็นหนังสือภาพสวย ภาพสีทั้งเล่มค่ะ ลองหาอ่านดูนะคะ เป็นหนังสือที่น่ารักจริงๆ ค่ะ
คมธรรม คำชีวิต สมเด็จพระสังฆราช
4
ข้อธรรมะของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช หลายบทหลายตอนประทับใจ และใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวติได้เป็นอย่างดีค่ะ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หนังสือ "คมธรรมคำชีวิต" ของสมเด็จพระสังฆราช จัดพิมพ์ขึ้นในวาระ 100 ปี สมเด็จพระสังฆราช เป็นหนังสือที่รวบรวม 100 ข้อธรรมะของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกค่ะ

100 ข้อธรรมะที่รวบรวมไว้ เป็นข้อธรรมสั้นๆ อ่านเข้าใจง่ายค่ะ บางข้อธรรมแม้เป็นคำพูดสั้นๆ แต่พออ่านแล้ว คิดแล้ว ตีความให้ดีจะมีความหมายและข้อคิดดีๆ ในการใช้ชีวิตซ่อนอยู่ค่ะ 1 หน้า มี 1 ข้อธรรมค่ะ หนังสือเล่มไม่หนา เหมาะกับคนที่ชอบอ่านหลักธรรม ข้อคิด คติสอนใจ อ่านเพลินๆ ไม่นานก็จบเล่ม

ขออนุญาต หยิบยกข้อธรรมะที่ประทับใจ มาเล่าสู่กันฟังค่ะ เผื่อใครสนใจอยากได้หนังสือเล่มนี้เก็บไว้ หรือ ซื้อไว้แจกคนใกล้ชิดหรือเพื่อนฝูงในโอกาสสำคัญต่างๆ ค่ะ

ข้อธรรมะข้อหนึ่งในหนังสือ นะคะ “วิธีดับความปรารถนา ความต้องการ คือหัดเป็นผู้ให้บ่อยๆ ให้เสมอๆ แต่การให้นั้นต้องเป็นการให้เพื่อลดกิเลส คือความโลภในใจตน ไม่ได้เป็นการให้เพื่อหวังสิ่งตอบแทนที่ยิ่งกว่า” อ่านข้อธรรมนี้แล้วทำให้คิดถึงคำพูดที่ว่า “ยิ่งให้ยิ่งได้” เวลาเราปรารถนา หรือต้องการให้ใครทำอะไรดีๆ ให้กับเรา วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ ให้เราต้องทำ หรือแสดงให้กับเขาเหล่านั้นก่อน เช่นอยากให้คนพูดจาไพเราะกับเรา เราก็ต้องพูดกับเขาก่อน อยากให้คนห่วงใยเรา เราก็ต้องเริ่มจากแสดงความห่วงใยเขาก่อน

และที่สำคัญนะคะ คือ เวลาเราให้อะไรกับใครซักคน เราควรให้โดยอยากให้เขามีความสุข ให้ด้วยความปรารถนาดี โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

เวลาเราทำสิ่งดีๆ ให้ใคร หรือแค่ซื้อของให้เขา เราเห็นเขายิ้ม เขาชอบ เขามีความสุขเราก็จะรู้สึกมีความสุขแล้วค่ะ และไม่นานเราก็จะได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทนจากคนที่เรารักเช่นกันค่ะ

แต่ถ้าเราทำสิ่งดีๆ ให้ใครแล้ว คิดว่าอยากให้เขาทำสิ่งเหล่านั้นตอบ หากเขาไม่ทำตอบ หรือทำไม่ทันใจเรา สุดท้ายจะกลายเป็นว่าเราได้รับความทุกข์ใจ เพราะไม่ได้ดังที่ใจต้องการ ความสุขจากการให้ก็จะกลายเป็นความทุกข์เพราะไม่ได้รับผลตามที่คาดหวังไว้

กล่าวมาเสียยืดยาว อยากจะแนะนำให้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดูค่ะ เป็นข้อธรรมะของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ที่ให้ข้อคิดหลายๆ อย่างที่ดี และนับว่าเป็นข้อคิด ข้อธรรมะที่ทันทุกยุค ทุกสมัยค่ะ
รู้ทันลูกหลานติดเกมส์
4
ผู้ปกครองที่มีลูกหลานติดเกม น่าจะลองอ่านเพื่อทำความเข้าใจความคิดของเด็กๆ เพื่อให้จุดประกายหรือพบแนวทางการแก้ปัญหาอย่างเหมาะสมค่ะ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เล่มนี้สงสัยต้องแนะนำให้เด็กๆ ที่ชอบเล่นเกม ซื้อไปให้คุณพ่อคุณแม่อ่านค่ะ 555 รับรองพอได้รับหนังสือคุณพ่อคุณแม่จะเอียงคอแล้วทำหน้างง ค้างไว้ประมาณ 3 วินาที และก็จะต้องสนใจอ่านจนจบแน่ๆ (อาจแอบอ่านแบบไม่ให้เรารู้ นั่นคงเพราะเขินละมั้งคะ ><)

หนังสือรู้ทันลูกหลานติดเกม เขียนโดยอดีตเด็กติดเกมค่ะ ทั้งมีคำแนะนำสอดแทรกจากผู้เชี่ยวชาญภายในเล่มด้วยค่ะ
หากอ่านให้ดี ผู้ปกครองจะเข้าใจถึงประเภทของเกมต่างๆ ประเภทของเกมในปัจจุบันว่าตื่นเต้น สนุกสนานขนาดไหนจนทำให้เด็กๆติดกันงอมแงม จะเข้าใจทันทีว่าทำไมเด็กๆ ถึงอยากเล่นเกมให้เก่ง แถมฝึกฝนจริงจังอย่างกะจะฝึกวิชา ฝึกวิทยายุทธ์ และด้วยวิธีการเล่นและเนื้อหาของเกมบางประเภทคุณพ่อคุณแม่จะเข้าใจค่ะว่าทำไมเด็กๆ ไม่สามารถหยุดเล่นได้ทันที พอเรียกให้กินข้าว เด็กๆ ต้องตอบว่า “เดี๋ยว” ทุกครั้งไป จนทำให้คุณพ่อคุณแม่หงุดหงิดหัวใจ เกิดอารมณ์ พร้อมก่อสงครามขนาดย่อมภายในบ้าน

ตอนหนึ่งของหนังสือผู้เขียนอธิบายให้เข้าใจว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กติดเกมส่วนหนึ่งเป็นเพราะพัฒนาการในช่วงวัยของพวกเขาที่กำลังซุกซน อยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และสนใจสิ่งต่างๆ รอบตัวตามสัญชาติญาณค่ะ และพวกเขาจะยิ่งให้ความสนใจเป็นพิเศษกับสิ่งที่สามารถโต้ตอบและมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาได้ ดังเช่นในเกมจะมีทั้งแสง สี เสียง และภาพเคลื่อนไหว ที่น่าตื่นตาตื่นใจ บางที่ก็เหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลก กลายเป็นตัวเอก พระเอก หรือคนสำคัญที่จะช่วยกอบกู้โลกก็ว่าได้
ผู้เขียนพยายามเน้นว่าการห้ามเด็กๆ เล่นเกม อย่างเด็ดขาดไม่ช่วยแก้ปัญหา แถมจะยิ่งทำให้เด็กอยากเล่นเข้าไปอีก ดีไม่ดีแอบไปเล่นนอกบ้าน ไปในสถานที่ที่ไกลหูไกลตา อาจเกิดปัญหาที่รุนแรงยิ่งกว่า

“ติดเกม” กับ “เล่นเกม” แตกต่างกันค่ะ เนื้อหาภายในหนังสือจะบอกวิธีสังเกตง่ายๆ ว่าแบบไหนเรียกติดเกม แบบไหนเรียกเล่นเกม เพราะบางทีเด็กๆ อาจแค่เล่นเกมเพื่อความบันเทิง คล้ายๆ กับการพักผ่อนในแบบอื่นๆ เช่นการดูหนัง ดูละครทีวี ก็ได้ค่ะ

นอกจากนี้มีคำแนะนำเป็นลำดับขั้นเกี่ยวกับการแก้ปัญหา เช่นคำแนะนำในการแบ่งเวลา การทำข้อตกลงกับเด็กๆ และการหากิจกรรมทดแทนต่างๆ ค่ะ มีการยกตัวอย่างสถานการณ์ข้อขัดแย้งจริงที่เกิดขึ้นระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ด้วยค่ะ ผู้เขียนแจกแจงให้เห็นว่าในสถานการณ์เดียวกันเด็กกับผู้ใหญ่มีความคิดเห็นที่ต่างกัน หากรู้จักทำความเข้าใจกับความคิดของอีกฝ่ายอาจช่วยลดปัญหาความขัดแย้งลงได้ค่ะ

อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วผู้ปกครองหลายคนจะเข้าใจมากขึ้นว่าเกมก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไปค่ะ ต้องคุณพ่อคุณแม่ต้องทำความเข้าใจ และควบคุมอย่างถูกวิธีเพื่อค่อยๆ ลดปัญหา ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะสร้างบรรยากาศที่ดีและไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งภายในครอบครัวค่ะ
เป็นสิว หายได้
5
ใครกำลังเป็นกังวลเรื่องสิว อยากให้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ก่อนค่ะ คิดว่าเหมาะมากๆ สำหรับทั้งสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มเป็นสิวและผู้ที่กำลังรักษาสิวอยู่ค่ะ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ที่แนะนำหนังสือเล่มนี้ไว้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้เขียน เป็นผู้ที่เคยประสบปัญหาเรื่องสิวมากวนใจมาก่อน โดยออกตัวไว้ในเล่มเลยว่าเป็นผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดสิวมาจากกรรมพันธุ์ฟังแล้วก็เข้าใจว่าคงต้องเป็นที่น่าหนักใจและต้องรักษากันต่อเนื่องยาวนาน แต่ผู้เขียน ดร. เริงฤทธิ์ สัปปพันธ์ ได้บอกไว้ว่าวิธีที่นำมาถ่ายทอดไว้ในหนังสือเป็นวิธีที่ใช้กับตนเองแล้วได้ผลทั้งคนใกล้ชิดที่ได้รับคำแนะนำและปฏิบัติก็ได้ผลตาม

ยิ่งผู้เขียนมีดีกรีปริญญาเอกทางด้านสารธรรมชาติทางการแพทย์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นนักวิจัยให้กับบริษัทผลิตยาเครื่องสำอาง และผิวหนังชั้นนำ ยิ่งทำให้หนังสือเล่มนี้น่าสนใจ สะกิดใจให้หยิบขึ้นมาศึกษาค่ะ

ใครกำลังเป็นกังวลเรื่องสิว อยากให้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ก่อนค่ะ คิดว่าเหมาะมากๆ สำหรับทั้งสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มเป็นสิวและผู้ที่กำลังรักษาสิวกับคุณหมออยู่ค่ะ

สำหรับผู้ที่เริ่มต้นเป็นสิว แนะนำให้ลองหาหนังสืออ่าน และหาข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดสิวของตัวเราเองให้แน่ชัดก่อนค่ะ อย่างหนังสือเล่มนี้ทำให้รู้ว่าบางทีสิวที่เราเป็นกังวลอาจเกิดจากเครื่องสำอางที่ใส่สารบางชนิดที่กระตุ้นให้เกิดสิว เพียงเปลี่ยนแป้งทาหน้า ครีมกันแดด เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว ไม่นานสิวเม็ดเล็ก เม็ดใหญ่ที่ทำให้กังวลใจก็จะหายไปเองโดยไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ

นอกจากนี้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารบางประเภทก็ช่วยลดการเกิดสิวได้ด้วยค่ะ ใครเพิ่งเริ่มเป็นสิวลองอ่านหนังสือ และลองรักษาสิวด้วยวิธีง่ายๆ ด้วยตัวเองก่อน อาจไม่ต้องเสียเงินเข้าคลินิกรักษาสิวเลยก็ได้นะคะ

ส่วนผู้ที่เป็นสิวมานาน หรือรับการรักษากับคุณหมออย่างต่อเนื่องอยู่ ก็แนะนำให้อ่านเช่นกันค่ะ เพราะอ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นเหมือนคู่มือสำหรับรักษาสิวฉบับประชาชน ที่จะมาอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ตั้งแต่ประเภทของสิว และสาเหตุของการเกิดสิวเลยค่ะ อ่านแล้วก็เพิ่งจะรู้ว่า สิวมีทั้งแบบ สิวหัวปิด สิวหัวเปิด สิวอักเสบ และสิวแต่ละชนิดก็มีวิธีการเลือกผลิตภัณฑ์การดูแลที่ต่างกันค่ะ
อ่านแล้วจะเข้าใจเลยว่าเราป้องกันสิวใหม่ไม่ให้เกิดขึ้นได้ถ้ารู้สาเหตุและแก้ให้ถูกจุด รู้ว่าสิวป้องกันได้ ลดลงได้ ด้วยอาหารทั่วไปและอาหารเสริมบางชนิดที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย นอกจากนี้มีรายละเอียดเกี่ยวกับยารักษาสิวทั้งชนิดกินและทาที่แพทย์ผิวหนังเลือกใช้ และแนะนำให้ใช้ ซึ่งหลายชนิดก็เป็นตัวเดียวกันกับที่คุณหมอที่คลินิกรักษาสิวจ่ายให้ค่ะ

หนังสือเล่มนี้ให้ข้อมูลค่อนข้างครอบคลุมค่ะ เริ่มตั้งแต่วิธีล้างหน้า การเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้า การเลือกยาทารักษาสิวประเภทต่างๆ วิธีป้องกันและรักษาการเกิดหลุมสิว รอยดำจากสิว อาหารที่ควรกิน อาหารเสริมที่แนะนำ ข้อปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวัน การกำจัดสิวเสี้ยน มีแนะนำวิธีทำยาทาสิวใช้เองด้วย บอกสูตรและวิธีทำเสร็จสรรพ ให้ความรู้เรื่องสมุนไพรรักษาสิว การรักษาสิวที่หลังต่างกับที่ใบหน้า แถมด้วยคำถามที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับสิวก็ตอบได้อย่างกระจ่างค่ะ เช่น กินช็อกโกแลตทำให้เป็นสิวจริงหรือไม่? ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าช่วยลดสิวได้หรือไม่?

ส่วนเนื้อหาที่ชอบที่สุด เห็นจะเป็นตารางสรุปวิธีการรักษาสิวประเภทต่างๆค่ะ แบ่งประเภทของสิวเป็น 6 ประเภทครอบคลุมมากๆค่ะ ยกตัวอย่างเลยดีกว่าค่ะ เชื่อว่าอ่านแล้วรู้ทันทีว่าตัวเองมีปัญหาสิวแบบไหน
1. คนที่มีสิวครบทุกแบบทั้งสิวอักเสบ สิวบวมแดง สิวอุดตัน สิวหัวเปิด สิวหัวปิด สิวเสี้ยน
2. มีสิวปริมาณเล็กน้อย ผิวหน้าบอบบาง
3. สิวมีหนองจำนวนมาก
4. สิวอักเสบ บวมแดง สิวเม็ดใหญ่
5. สิวทั่วไป แต่งหน้า หรือทาครีมกันแดดร่วมด้วย
6. สิวที่หลัง

ตารางสรุปจะบอกตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ (บอกชื่อยี่ห้อชัดเจนเลยค่ะ ไม่ต้องเดาเองว่ายี่ห้ออะไร) ตามด้วยขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่ ก่อนล้างหน้าในตอนเช้า ขณะล้างหน้าในตอนเช้า หลังล้างหน้าในตอนเช้า ก่อนล้างหน้าในตอนเย็น ขณะล้างหน้าในตอนเย็น หลังล้างหน้าในตอนเย็น ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทาก่อนนอน (ดูแล้วผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ก็สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ราคาไม่แพงค่ะ)

มีคนกล่าวไว้ว่าเราเป็นหมอที่ดีที่สุดของตัวเองค่ะ จะลองดูแลสิวด้วยตัวเองก่อน หรือช่วยคุณหมอสิวประจำกายโดยการดูแลตัวเองไปพร้อมๆ กันก็ได้ เชื่อว่าไม่นานปัญหาสิวต่างๆ จะหมดไปค่ะ ^0^
5
เล่มนี้เป็นเหมือนตำราสุขภาพเล่มหนา ซื้อมาแล้วรู้สึกคุ้มค่าจริงๆค่ะ บ่อยครั้งนำสูตรจากตำราไปใช้แล้วได้ผลจริงๆ ค่ะ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือปกแข็ง หนาประมาณ 400 หน้าค่ะ เป็นหนังสือคุณภาพของบริษัท รีดเดอร์ไดเจสท์ ซึ่งจัดพิมพ์หนังสือแนวดูแลสุขภาพ การออกกำลังกาย และอาหารป้องกันโรคต่างๆ ที่น่าสนใจมาแล้วหลายเล่มค่ะ

หนังสือเล่มหนานี้เป็นเหมือนคลังตำรายาประจำบ้านก็ว่าได้ค่ะ มีสารพัดวิธี สารพันคำแนะนำในการใช้ประโยชน์จากสมุนไพร อาหาร รวมถึงอุปกรณ์ใกล้ตัวที่จะช่วยบำบัดรักษาโรคได้ง่ายๆ

ภายในเล่มแบ่งเนื้อหาออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันค่ะ ส่วนแรกเป็นเรื่องของการดูแลสุขภาพของตนเอง โดยจะมีสารพัดอาการกวนใจที่เกิดขึ้นเป็นประจำ หรือไม่ก็โรคผิวหนัง และโรคต่างๆ ที่เราสามารถใช้วิธีง่ายๆในการจัดการเพื่อบรรเทาอาการ หรือบำบัดรักษาด้วยตนเองได้

มีรายการโรคและอาการต่างๆ ให้เลือกในหน้าสารบัญ หากประสบกับอาการไหนก็สามารถพลิกไปอ่านข้อมูลได้ง่ายค่ะ

ตัวอย่างอาการและโรคต่างๆ เริ่มต้นตั้งแต่อาการกวนใจธรรมดาแต่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน เช่น นอนกรน นอนไม่หลับ ปัญหากลิ่นตัว กลิ่นปาก ความเครียด เจ็บคอ ท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด ปวดหู ปวดหัว ปวดหลัง ปวดฟัน อาการอ่อนเพลีย ฯลฯ

มีคำแนะนำในการดูแลตัวเองจากโรคเรื่องรังต่างๆด้วย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคคอเลสเตอรอลสูง โรคเกาต์ โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ ฯลฯ นอกจากนี้ก็ยังมีสารพันวิธีแก้ไขปัญหาความงามด้วยค่ะ เช่น การแก้ปัญหาสิว ริมฝีปากแตก ผิวแห้ง แผลฟกช้ำ นับๆ ดูแค่เนื้อหาในส่วนเดียวก็มีอาการและโรคประมาณเกือบๆ 200 รายการเลยทีเดียวค่ะ

สำหรับเนื้อหาในส่วนที่สอง เป็นเรื่องเกี่ยวกับตำรับยาสมุนไพรน่าใช้ค่ะ เช่น กระเทียม ขิง ชา น้ำผึ้ง น้ำส้มสายชู ว่านหางจระเข้ มะนาว ฯลฯ ในหนังสือจะมาบอกว่าสมุนไพรต่างๆ มีประโยชน์อย่างไร ใช้รักษาอาการต่างๆ อย่างไร ใช้ปริมาณเท่าไหร่จึงจะได้ผลและปลอดภัยค่ะ

ในแต่ละเรื่องแต่ละตอนชอบที่เขียนได้อย่างเข้าใจง่าย แถมถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการนวดหรือการบริหารร่างกายก็จะมีภาพประกอบในการทำท่าทางต่างๆ ที่ชัดเจนด้วย ดูแล้วทำตามได้สบายๆ เลยค่ะ

ชอบหนังสือแนวนี้มากเลยค่ะ เห็นแล้วรีบซื้อเก็บไว้เลย โดยเฉพาะเล่มนี้เป็นการรวบรวมวิธีการดูแลสุขภาพจาก แพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจากหลากหลายแขนง หลากหลายมหาวิทยาลัยจึงนับว่าข้อมูลค่อนข้างมีความน่าเชื่อถือ สามารถนำไปใช้ได้จริง และไม่เป็นอันตรายค่ะ

โดยส่วนตัวเวลาจะเลือกหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพจะดูว่าใครเป็นผู้แต่ง และดูความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่นำมาใช้ในการเขียนหนังสือค่ะ เพราะปัจจุบันมีหนังสือออกมามากทั้งที่มีและไม่มีคุณภาพ โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพเลือกหนังสือที่ให้คำแนะนำผิดๆ ขึ้นมาล่ะแย่ทีเดียวค่ะ

แนะนำหนังสือเล่มนี้ไว้อีก 1 เล่มค่ะ หวังว่าจะถูกใจผู้ที่รักในการดูแลสุขภาพด้วยธรรมชาตินะคะ ^^
199 นิทานชาดกสอนคุณธรรม
4
ใครชอบหนังสือนิทานที่ให้แนวคิดหรือคติสอนใจ คิดว่าเล่มนี้เป็นอีกเล่มที่น่าสนใจค่ะ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 06 ตุลาคม พ.ศ. 2556

หนังสือนิทานเล่มนี้รวบรวมเรื่องราวในพระไตรปิฏก ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า 500 ชาติ ก่อนตรัสรู้เป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาเรียบเรียงใหม่และบอกเล่าเป็นตอนสั้นๆ ถึง 199 เรื่องค่ะ

เนื้อเรื่อง 1 เรื่องยาวประมาณ 1 หน้า มีภาพประกอบ และสรุปข้อคิดที่ได้จากการอ่านนิทานไว้ท้ายเรื่อง อ่านแล้วคิดว่าเป็นหนังสือที่น่าสนใจค่ะ แต่กลวิธีเขียนเพื่อเล่าเรื่องอาจสั้นและรวมรัดไปสักหน่อย อาจเป็นได้ที่ผู้เขียนอาจอยากให้เนื้อเรื่องมีความกระชับ สั้นๆ อ่านง่ายก็ได้ค่ะ แต่คิดว่าหากใส่รายละเอียดหรือบทบรรยายในเนื้อเรื่องให้คนอ่านได้จินตนาการตามอีกสักหน่อยต้องสนุกยิ่งขึ้นแน่ๆเลยค่ะ

เนื้อเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือ ตอน “มีศีลประเสริฐสุด” ค่ะ จะขอยกตัวอย่างเรื่องย่อนี้ไว้นะคะ เรื่องนี้กล่าวถึงพระพุทธเจ้าในชาติที่เกิดในตระกูลพราหมณ์ผู้มีฐานะร่ำรวย ด้วยความสามารถและการศึกษาขั้นสูงจึงได้รับราชการเป็นปุโรหิตของพระเจ้าพรหมทัต วันหนึ่งปุโรหิตท่านนี้เกิดนึกสงสัยว่าการที่มีคนมาสรรเสริญและยกย่องตนเองเป็นเพราะอะไร เพราะชาติกำเนิดและตำแหน่งที่ได้รับ หรือเพราะศีลและความดีที่สั่งสมมา เมื่อคิดดังนั้นจึงคิดจะหาคำตอบด้วยตนเอง ปุโรหิตจึงออกอุบายเดินไปยังคลังหลวงแล้วหยิบเงินออกมาวันละ 1 ตำลึง วันแรกผู้ที่เฝ้าท้องพระคลังคิดว่า ปุโรหิตเป็นคนมีศีลน่าจะมาหยิบเงินตามคำสั่งของพระราชา แต่นานวันเข้าเห็นหยิบเงินโดยพละการบ่อยๆ จึงหมดความ ศรัทธาคิดว่าปุโรหิตเป็นขโมย จึงนำความไปบอกพระราชา เมื่อพระราชาทราบจึงเรียกปุโรหิตไปสอบถามความจริง ปุโรหิตจึงอธิบายว่า อุบายที่สร้างขึ้นทำให้รู้ชัดว่า ศีลและความดีเป็นสิ่งที่ทำให้คนยกย่อง แม้ชาติตระกูลดีแต่หากทำผิดก็ไม่สามารถช่วยให้พ้นผิดหรือพ้นจากการเสื่อมศรัทธาได้ เมื่อกล่าวจบปุโรหิตจึงขออนุญาตพระราชออกบวช คติสอนใจของเรื่องนี้คือ ผู้ใดได้ชื่อว่ามีศีล ผู้นั้นย่อมได้รับการสรรเสริญ

หากใครชอบหนังสือนิทานที่ให้แนวคิดหรือคติสอนใจ คิดว่าเล่มนี้เป็นอีกเล่มที่น่าสนใจค่ะ เด็กๆ น่าจะอ่านได้ง่าย ไม่เน้นเรื่องการใช้คำศัพท์ที่อ่านยาก หรือคำราชาศัพท์เท่าไหร่นักค่ะ
สร้างแบรนด์ สิ้นแบรนด์ A-Z
4
โดยรวมเนื้อหาน่าสนใจค่ะ หลายเรื่องหลายตัวอย่างที่ผู้เขียนยกขึ้นมาอ้างอิงช่วยประกอบการอธิบายและทำให้เข้าใจได้ง่าย
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 06 ตุลาคม พ.ศ. 2556

หนังสือสีส้ม เล่มสี่เหลี่ยมจัตุรัส ใช้ตัวอักษร A-Z เป็นโครงเรื่อง หนังสือมี 2 ด้านค่ะ อ่านเรื่องสร้างแบรนด์จบด้านหนึ่งแล้วค่อยพลิกกลับมาอีกด้านก็จะได้หนังสืออีกเล่มที่เป็นเรื่องสิ้นแบรนด์ ดำเนินเรื่องด้วยการใส่เนื้อหาตามตัวอักษร A-Z เช่นกันค่ะ

อ่านเรื่องสร้างแบรนด์ เนื้อหาหน้าแรกๆ ตอนอ่านไม่รู้ทำไมรู้สึกหัวใจเต้นตึกตักตลอดเวลา อาจเพราะหน้ากระดาษที่บรรจุตัวอักษรเป็นสีส้มสด แถมผู้เขียนยังใช้ภาษาเขียนที่ใส่อารมณ์จริงจัง และพยายามกระตุ้นให้ผู้อ่านคิดตามตลอดเวลา

ในเรื่องของการสร้างแบรนด์ ผู้เขียนมีการบอกเล่า อธิบาย และยกตัวอย่างวิธีสร้างแบรนด์ และการสร้างชื่อ ได้อย่างน่าสนใจ เช่น การสร้างแบรนด์ต้องมีต้นกำเนิดมาจากก้อนความคิดหลัก ต้องคิดนิยามของแบรนด์ให้ออก ว่าเมื่อผู้บริโภคเห็นชื่อแบรนด์จะนึกถึงอะไร รู้สึกอย่างไร เช่น BMW ที่มีก้อนความคิดหลักคือ Driving Pleasure หรือการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม เมื่อมีความคิดหลักเช่นนี้ ภาพโฆษณา และการออกแบบยนตรกรรมของ BMW ก็จะทำให้ผู้บริโภคจดจำว่า เป็นรถยนต์ที่เน้นความสะดวกสบายของผู้บริโภคขณะขับขี่

เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจเช่น จงสร้างแบรนด์ให้เป็นเหมือนลัทธิหนึ่ง ต้องสร้างความคิด ความเชื่อ ให้ผู้บริโภคคล้อยตาม ควรมีการออกแบบที่สะดุดตาให้เป็นที่น่าจดจำ ต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกันตลอด มีความชัดเจน มีเอกลักษณ์ มีกิจกรรม สร้างประสบการณ์ สร้างความรู้สึกที่ดีให้กับผู้บริโภค มีชีวิต ไม่มีอายุขัย ไม่ทำอะไรที่ฉีกแนวไปจากเดิมมากนัก

เรื่องการฉีกแนวก็เห็นจะจริงเพราะลองคิดดูถ้าเป็นแบรนด์ขายอาหารคนจะมาลองแตกไลน์ผลิตอาหารสัตว์โดยใช้ชื่อแบรนด์เดิม รับรองว่า สินค้าอาหารสัตว์ที่ออกมาใหม่อาจพาให้สินค้าแบรนด์อาหารคนที่ติดตลาดอยู่ก่อนดับลงได้ง่ายๆ เพราะผู้บริโภคอาจรู้สึกไม่มั่นใจถึงคุณภาพของวัตถุดิบที่นำมาทำอาหาร ไม่มั่นใจว่าแบรนด์นี้ใช้วัตถุดิบในการทำอาหารจากอาหารคนหรืออาหารสัตว์กันแน่

โดยรวมเนื้อหาน่าสนใจค่ะ หลายเรื่องหลายตัวอย่างที่ผู้เขียนยกขึ้นมาอ้างอิงช่วยประกอบการอธิบายและทำให้เข้าใจได้ง่าย
อาจมีบางประเด็นที่หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็รู้อยู่แล้ว แต่ถ้าอ่านดีๆ จะรู้สึกว่าผู้เขียนมีมุมมองที่ลึกและกว้างขึ้น และหลายความเห็นก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน นับเป็นความน่าสนใจที่ได้อ่านแนวคิดของคนอื่นที่หลากหลายผ่านหนังสือเล่มนี้ค่ะ
เมื่อวานป้าทานอะไร? (ชมรมนักกำหนดอาหารฯ)
5
หนังสือเนื้อหาดี (ส่วนใหญ่เน้นไปในแนวทางควบคุมน้ำหนัก) ภาพประกอบสีน่ารักๆ ทั้งเล่มค่ะ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 05 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เป็นหนังสือที่รวบรวมความรู้ด้านโภชนาการฉบับอ่านง่าย โดยมีกลุ่มผู้เขียนเป็นนิสิตและบัณฑิตจากภาควิชาโภชนาการและการกำหนดอาหาร คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้รวบรวมความรู้ทางวิชาการเกี่ยวกับอาหารและสุขภาพจากงานวิจัยและเอกสารต่างๆ นำมาประมวลใหม่ให้อ่านเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น

จุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้มาจากแนวคิดที่อยากเผยแพร่ความรู้ด้านสุขภาพให้กับคนทั่วไป เหล่านักศึกษาด้านการกำหนดอาหารจากจุฬาจึงรวมตัวกันเขียนบทความ วาดภาพประกอบ และเผยแพร่ความรู้เรื่องอาหารและสุขภาพผ่าน face book โดยใช้ชื่อเพจว่า “เมื่อวานป้าทานอะไร” ซึ่งเป็นชื่อที่มีที่มาจาก โดยปกติก่อนนักกำหนดอาหารจะให้คำแนะนำเรื่องอาหารเฉพาะโรค จำเป็นที่จะต้องสอบถามถึงรูปแบบของอาหารที่กินในชีวิตประจำวัน โดยเริ่มจากคำถามง่ายๆ เพื่อจะได้เข้าใจพฤติกรรมการกิน เช่นถามว่า เมื่อวานทานอาหารอะไรบ้าง

เพจนี้ให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพมานานแล้วค่ะ มีแฟนเพจติดตามแล้วเกือบ 2 แสนคน ด้วยความนิยมที่เป็นเพจที่ให้ความรู้ด้านโภชนาการที่อ่านง่ายและมีแหล่งเอกสารอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ จาก face book จึงกลายมาเป็นหนังสือเล่มนี้ค่ะ

แน่นอนว่าข้อมูลในหนังสือจะเข้มข้นกว่าในเพจค่ะ มีการเรียบเรียงใหม่และใส่เนื้อหาที่น่าสนใจเกี่ยวกับสุขภาพเพิ่มเติม เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะว่าไปก็เป็นความรู้พื้นฐานที่มีประโยชน์ที่เหล่านักกำหนดอาหารใช้ให้ความรู้และสอนเรื่องการกินอาหารให้กับคนไข้ ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก และผู้ที่สนใจในการรักษาสุขภาพค่ะ

สำหรับหนังสือ “เมื่อวานป้าทานอะไร” ได้รวบรวมเนื้อหาไว้ 12 บทด้วยกันค่ะ เช่น เรื่องอ้วนเรื่องใหญ่ ผอมไปก็ไม่ดี ว่าด้วยสมดุลพลังงาน กินเท่าไหร่อย่างไรในแต่ละวัน กินอย่างไรแบบไม่ต้องคำนวณ ลดน้ำหนักมีทางลัดไหม กินอย่างไร ในไลฟ์สไตล์ของคนทำงาน ไขข้อข้องใจเรื่องอาหาร ในไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างควรเลือกกินอย่างไร อดแล้วลดน้ำหนักได้จริงหรือ เรื่องของการออกกำลังกาย เปลี่ยนความคิด พิชิตลดน้ำหนัก นอกจากนี้ยังมีเอกสารอ้างอิงจากตำราวิชาการ และวารสารต่างประเทศแนบไว้ตอนท้ายเผื่อใครอยากค้นหาความรู้เพิ่มเติมด้วยค่ะ

หนังสือเนื้อหาดี (ส่วนใหญ่เน้นไปในแนวทางควบคุมน้ำหนัก) ภาพประกอบสีน่ารักๆ ทั้งเล่มค่ะ
ที่สนับสนุนหนังสือดีๆ เล่มนี้ เพราะนอกจากมีเนื้อหาสาระดี ยังเป็นหนังสือที่แสดงถึงความพยายามที่อยากเผยแพร่ความรู้ในการดูแลสุขภาพให้กับคนทั่วไป ทำให้เห็นถึงความตั้งใจและพลังของเหล่านักศึกษาที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อและความคิดสร้างสรรค์ดีๆ ค่ะ
คิ้วต่ำยกกำลัง 2
4
หนังสือเล่มเล็กๆค่ะ มีคำพูดสั้นๆ กับภาพประกอบสี ตลอดเล่ม ผู้เขียนถ่ายทอดความคิด และการมองโลกอย่างเรียบง่ายไว้ค่ะ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 05 ตุลาคม พ.ศ. 2556

“ผมหัวเถิกครับ แต่ผมมักบอกกับตัวเองว่าคิ้วต่ำ” เป็นคำพูดสั้นๆ ของผู้เขียน แต่ก็แฝงความหมายเป็นนัยถึงการมองโลกอย่างอารมณ์ดีค่ะ

หนังสือเล่มเล็กๆค่ะ มีคำพูดสั้นๆ กับภาพประกอบสี ตลอดเล่ม ผู้เขียนถ่ายทอดความคิด และการมองโลกอย่างเรียบง่ายไว้ในหนังสือค่ะ มีทั้งเรื่องราวที่ให้กำลังใจ เตือนสติ สอนให้รักตัวเอง ให้กล้าทำสิ่งใหม่ๆ เรื่องราวของผู้คนรอบตัวในสังคม การมองโลกในแง่ดี การประชดประชัน อารมณ์ขัน ทั้งยังมีมุมหวานๆ ของความรักทั้งกับคนรักและครอบครัวด้วย

นึกไม่ออกว่าหนังสือเป็นแบบไหนเข้าไปดูที่https://www.facebook.com/kiwtum ก็ได้ค่ะเป็นเพจน่ารัก ๆ ที่มีคนสนใจมากทีเดียว

บางทีหนังสือเล่มเล็กๆ คำพูดสั้นๆ ก็กลายเป็นเชื้อเพลิงช่วยเติมกำลังใจให้ใครหลายคนได้เหมือนกันนะคะ
มาดามแปมเปิลมูส กับอาหารสุดวิเศษ
4
อาหารสุดวิเศษ” เป็นหนังสือเล่มบางที่อ่านไม่ถึงค่อนวันก็จบค่ะ เนื้อหาก็น่ารักและตลกดีค่ะ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 05 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ตอนเด็กๆ เวลาเข้าร้านหนังสือจะตรงดิ่งไปที่แผนกหนังสือนิทานกับวรรณกรรมเยาวชนค่ะ แล้วรีบเลือกหนังสือที่มีภาพประกอบสวยๆ ก่อนเลย

พอโตขึ้นเริ่มทำงาน แม้ถึงวันว่างก็กลับไม่กล้าแตะหนังสือวรรณกรรมเยาวชนที่อยากอ่านเสียอย่างนั้น อาจเพราะกลัวจะอ่านแล้วติด วางไม่ลงจนเสียการเสียงาน ^^””

หนังสือเล่มนี้อ่านแล้วทำให้รู้ว่าเราห่วงทำงานมากไปหน่อยจนลืมหันกลับมาหาความสุขและความสนุกที่ได้จากการอ่านหนังสือวรรณกรรมเยาวชนเหมือนสมัยยังเป็นเด็กน้อยค่ะ

หนังสือ “มาดามแปมเปิลมูส กับอาหารสุดวิเศษ” เป็นหนังสือเล่มบางที่อ่านไม่ถึงค่อนวันก็จบค่ะ เนื้อหาก็น่ารักและตลกดีค่ะ ยิ่งอ่านยิ่งคิดว่าที่ชอบอ่านหนังสือวรรณกรรมเยาวชนก็คงเป็นเพราะ รู้สึกได้ว่าผู้เขียนตั้งใจเขียนให้เด็กๆ รวมถึงผู้ใหญ่ที่ยังมีหัวใจเป็นเด็กได้อ่านอย่างมีความสุข ก็เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่ มักเต็มไปด้วยของวิเศษ เวทย์มนต์ สัตว์ประหลาด และก็มีแต่สิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ และบางทีก็ดูไม่สมเหตุสมผลตลอดเรื่อง แต่ก็คงเป็นเพราะหัวใจของเรายังเป็นเด็กจึงรู้สึกว่าอ่านแล้วสนุกอย่างบอกไม่ถูกค่ะ

วรรณกรรมเรื่องนี้เกิดขึ้นในมหานครปารีสค่ะ นางเอกของเรื่องเป็นเด็กผู้หญิงผมเปียชื่อมัดแล็นด์ ถูกพ่อแม่ส่งตัวให้มาช่วยลุงแสนเจ้าเล่ห์ทำงานในร้านอาหารหมูเสียงแหลม แม้เธอจะมีความสามารถในการทำอาหารแต่เธอก็ไม่ค่อยมีความสุขกับการทำงานในร้านอาหารของลุงเท่าไหร่นัก เพราะส่วนใหญ่จะได้รับแต่งานกวาดถู ซักล้าง และทิ้งขยะ มาวันหนึ่งมัดแล็นด์ได้พบกับมาดามแปมเปิลมูสผู้หญิงลึกลับที่มีแมวเหมียวจอมโหดเป็นลูกสมุน เธอเก็บสะสมวัตถุดิบหายาก และสูตรลับความอร่อย พิเศษสุด แถมหายากที่สุดในโลก (555 คนเขียนเค้าว่าอย่างนั้นนะค้า) เอาไว้มากมาย เมื่อลุงของเธอรู้เข้า มัดแล็นด์จึงถูกบังคับให้ไปขโมยสูตรลับของอาหารแสนอร่อยจากห้องครัวของมาดามแปมเปิลมูส เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปต้องลองอ่านดูค่ะ ^0^

ถ้าเทียบกับวรรณกรรมเรื่องอื่นๆ ที่เคยอ่านรู้สึกว่าดำเนินเรื่องเร็วและเนื้อเรื่องสั้นไปหน่อยค่ะ 555 แต่ก็นับว่าสนุก น่ารัก และที่ชอบมากก็ตรงที่มีภาพประกอบสวยๆ แทรกอยู่ในทุกหน้าตลอดเรื่องค่ะ รู้สึกว่าจะมีตอนต่ออีก 2 เล่มคือตอน คาเฟ่เจาะเวลาหาอดีต และ ร้านขนมหวานมนตรา ว่าจะลองหามาอ่านสักหน่อยค่ะ ^^
www.batorastore.com © 2024